แบบฝึกหัดบทที่3

 


                      การออกแบบและการบริหารฐานข้อมูล
                             แบบฝึกหัดบทที่3

  1: วงจรพัฒนาระบบฐานข้อมูล (DSDLC) ประกอบด้วยกี่ระยะ อะไรบ้าง เเละการ

       นำวางเเผน  DSDLC  มาใช้เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลมี่ข้อดีอย่างไร

ตอบ   DSDLC ประกอบด้วย 6 ระยะหลัก ดังนี้

 1. การศึกษาความต้องการ (Requirement Analysis)

 • ศึกษาว่าผู้ใช้งานต้องการข้อมูลอะไร

 • วิเคราะห์กระบวนการทำงาน และระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

 2. การออกแบบแนวความคิด (Conceptual Design)

 • ใช้ ER-Diagram ออกแบบความสัมพันธ์ของข้อมูล

 • ยังไม่ลงรายละเอียดเชิงเทคนิค

 3. การออกแบบตรรกะ (Logical Design)

 • แปลงแบบจำลองความคิดให้อยู่ในรูปของตารางตามโครงสร้างฐานข้อมูล เช่น แบบเชิงสัมพันธ์ (Relational)

 • นิยามคีย์หลัก คีย์ต่างประเทศ ความสัมพันธ์ต่าง ๆ

 4. การออกแบบกายภาพ (Physical Design)

 • กำหนดโครงสร้างการจัดเก็บในฐานข้อมูลจริง เช่น ชนิดข้อมูล (Data Type), Index, Partition ฯลฯ

 • เลือก DBMS ที่เหมาะสม

 5. การนำไปใช้งาน (Implementation and Loading)

 • สร้างฐานข้อมูลจริงตามแบบที่ออกแบบ

 • ทำการ migrate หรือโหลดข้อมูลเข้าไปในระบบ

 6. การบำรุงรักษาและปรับปรุง (Monitoring, Maintenance, and Updating)

 • ตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบ

 • ปรับปรุงหรือแก้ไขหากมีปัญหา หรือเมื่อมีความต้องการใหม่

ข้อดีของการนำ DSDLC มาใช้วางแผนพัฒนาระบบฐานข้อมูล

 1. มีขั้นตอนชัดเจน

 • ลดความสับสนและการทำงานซ้ำซ้อน

 2. ช่วยวิเคราะห์ปัญหาได้ตรงจุด

 • รู้ว่าอะไรคือความต้องการจริงของผู้ใช้งาน

 3. ทำให้ฐานข้อมูลมีโครงสร้างที่ดี

 • ออกแบบถูกต้องตั้งแต่ต้น ลดปัญหาในอนาคต

 4. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายระยะยาว

 • ไม่ต้องกลับมาแก้ไขซ้ำในภายหลัง

 5. สามารถตรวจสอบและดูแลได้ง่าย

 • เพราะมีเอกสารและโครงสร้างชัดเจนในแต่ละขั้น

 6. ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

 • เพราะแต่ละคนสามารถเข้าใจระบบผ่านเอกสารและแบบจำลองได้เหมือนกัน


2:การศึกษาเเละกำหนดปัญหาที่ไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน ส่งผลกระทบต่อ

    กระบวนการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอย่างไร

ตอบ ผลกระทบจากการกำหนดปัญหาไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจน

 1. ออกแบบฐานข้อมูลไม่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

 • หากเข้าใจความต้องการผิด ระบบที่พัฒนาจะตอบโจทย์ผิด ทำให้ใช้งานจริงไม่ได้

 • เช่น ข้อมูลบางอย่างหายไป หรือมีข้อมูลที่ไม่จำเป็น

 2. โครงสร้างข้อมูลไม่เหมาะสม

 • การออกแบบตาราง ความสัมพันธ์ หรือคีย์อาจผิดพลาด ส่งผลให้การจัดเก็บและเรียกข้อมูลไม่ถูกต้องหรือซับซ้อนเกินจำเป็น

 3. ต้องเสียเวลาแก้ไขซ้ำในภายหลัง

 • เมื่อระบบพัฒนาไปแล้วแต่พบว่าไม่ตรงกับความต้องการจริง จะต้องย้อนกลับไปแก้ ทำให้เสียทั้งเวลาและต้นทุน

 4. ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบอื่น

 • ฐานข้อมูลเป็นศูนย์กลางของระบบ หากกำหนดปัญหาผิดพลาด จะส่งผลให้ระบบอื่นที่เชื่อมต่อเกิดข้อผิดพลาดด้วย

 5. ทำให้ทีมพัฒนาไม่เข้าใจเป้าหมายร่วมกัน

 • การสื่อสารภายในทีมอาจคลาดเคลื่อน เพราะจุดประสงค์ของระบบไม่ชัดเจน

 6. ทำให้การทดสอบระบบ (Usability / Performance Test) ไม่ได้ผล

 • เนื่องจากระบบที่ทดสอบไม่ตรงกับการใช้งานจริง จึงไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพได้อย่างแม่นยำ


3:การวิเคราะห์ความต้องการ(Requirement Analysisป มีความสำคัญต่อ

   ความสำเร็จของการพัฒนาระบบบฐานข้อมูลอย่างไร

ตอบ  ความสำคัญของการวิเคราะห์ความต้องการ (Requirement Analysis)

 1. ทำให้เข้าใจความต้องการของผู้ใช้จริง ๆ

 • เป็นการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อทราบว่า “ต้องการข้อมูลอะไร” และ “ต้องใช้งานระบบอย่างไร”

 • ลดความเข้าใจผิดระหว่างนักวิเคราะห์กับผู้ใช้

 2. ช่วยกำหนดขอบเขตของระบบ (System Scope)

 • รู้ว่าควรทำแค่ไหน ไม่หลุดประเด็น ไม่พัฒนาระบบใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป

 • ทำให้ควบคุมงบประมาณและระยะเวลาได้ดีขึ้น

 3. เป็นพื้นฐานของการออกแบบฐานข้อมูล

 • ข้อมูลที่เก็บมาจากการวิเคราะห์จะถูกนำไปออกแบบ ER-Diagram, ตารางข้อมูล, ความสัมพันธ์ ฯลฯ

 • ถ้าข้อมูลผิดพลาด ทุกขั้นตอนถัดไปจะผิดตาม

 4. ช่วยจัดลำดับความสำคัญของฟีเจอร์

 • แยกแยะได้ว่าอะไรคือ “ฟีเจอร์หลัก” ที่ต้องมี และอะไรคือ “สิ่งที่อยากได้”

 • ทำให้การพัฒนาระบบมีประสิทธิภาพ ไม่เสียเวลาในสิ่งไม่จำเป็น

 5. ลดความผิดพลาดและต้นทุนในอนาคต

 • การเข้าใจความต้องการอย่างลึกซึ้งตั้งแต่แรก จะลดปัญหาการแก้ไขซ้ำ

 • ประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และแรงงานในระยะยาว

 6. ช่วยในการทดสอบและประเมินผล (Testing & Evaluation)

 • เราสามารถใช้ Requirement ที่เก็บไว้เป็นเกณฑ์วัดว่าระบบพัฒนาได้ตรงตามที่ผู้ใช้ต้องการหรือไม่


4:การปลี่ยนซอฟต์เเวร์ระบบการจัดการฐานข้อมู,(DBMS) ระหว่างที่กำลังพัฒนา

   ระบบฐษนข้อมูล ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาระบบฐานข้อมูลระยะใดมากที่สุด เพราะอะไร

ตอบ  การเปลี่ยนซอฟต์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS) ระหว่างการพัฒนาระบบฐานข้อมูล

ส่งผลกระทบมากที่สุดในระยะ “การออกแบบกายภาพ” (Physical Design)

เพราะในระยะนี้ นักพัฒนาจะต้องออกแบบระบบให้สอดคล้องกับความสามารถเฉพาะของ DBMS ที่เลือกใช้ เช่น

 • โครงสร้างการจัดเก็บข้อมูล

 • ประสิทธิภาพของคำสั่ง SQL

 • การจัดการดัชนี (Indexing)

 • รูปแบบการสำรองข้อมูล (Backup & Recovery)

 • ความสามารถด้านความปลอดภัย (Security)

หากเปลี่ยน DBMS จะทำให้ต้องกลับมาแก้ไขใหม่ในหลายจุด เช่น รูปแบบคำสั่ง SQL ที่ใช้ไม่เหมือนกัน (MySQL vs Oracle vs PostgreSQL), การตั้งค่า Performance, หรือแม้แต่ชนิดข้อมูลบางประเภทที่ไม่รองรับเหมือนกัน

นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อ ขั้นตอนการนำไปใช้งาน (Implementation) และ การดูแลระบบ (Maintenance) เพราะแต่ละ DBMS มีเครื่องมือและวิธีจัดการต่างกัน


5:ถ้านักศึกษาได้ไปทำงานในตำเเหน่ง DBA อะไรคือบทบาทหน้าที่ที่นักศึกาาต้องรับผิดชอบ

ตอบ  1. ติดตั้งและกำหนดค่าระบบฐานข้อมูล (Installation & Configuration)

 • ติดตั้งซอฟต์แวร์ DBMS เช่น MySQL, Oracle, PostgreSQL

 • ปรับตั้งค่าระบบให้เหมาะสมกับการใช้งานและฮาร์ดแวร์

 2. ดูแลความปลอดภัยของข้อมูล (Security Management)

 • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้ (User Access Control)

 • ป้องกันข้อมูลจากการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

 3. สำรองและกู้คืนข้อมูล (Backup & Recovery)

 • วางแผนและดำเนินการสำรองข้อมูลเป็นประจำ

 • เตรียมแผนเผชิญเหตุหากข้อมูลสูญหาย เช่น การกู้คืนข้อมูล

 4. ตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพ (Performance Tuning)

 • ตรวจสอบความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล

 • ปรับ Index, Query, และโครงสร้างเพื่อให้ทำงานเร็วขึ้น

 5. บำรุงรักษาระบบฐานข้อมูล (Maintenance)

 • ตรวจสอบความสมบูรณ์ของฐานข้อมูล

 • อัปเดตเวอร์ชันหรือแพตช์เพื่อป้องกันช่องโหว่

 6. สนับสนุนการพัฒนาระบบ (Support for Developers)

 • ทำงานร่วมกับนักพัฒนาเพื่อออกแบบโครงสร้างข้อมูล

 • ให้คำปรึกษาด้าน SQL และประสิทธิภาพ

 7. ตรวจสอบการทำงานและจัดทำรายงาน (Monitoring & Reporting)

 • ใช้เครื่องมือตรวจสอบการทำงานของฐานข้อมูลตลอดเวลา

 • สรุปข้อมูลการใช้งาน ปัญหา และประสิทธิภาพให้ผู้บริหาร

 8. วางแผนการขยายระบบ (Scalability & Capacity Planning)

 • คาดการณ์การเติบโตของข้อมูลในอนาคต

 • วางแผนการขยายระบบเพื่อรองรับการใช้งานเพิ่มขึ้น


6:นักศึกษาคิดว่าวงจรพัฒนาระบบฐานข้อมูล(DSDLC) รยะใดมีความสำคัญมากที่สุด เพราะอะไร

ตอบ  มีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นขั้นตอนเริ่มต้นที่ใช้ในการรวบรวมและทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อให้สามารถออกแบบระบบฐานข้อมูลให้ตรงตามวัตถุประสงค์ได้อย่างถูกต้อง หากในระยะนี้มีข้อผิดพลาด เช่น วิเคราะห์ผิด, ข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือสื่อสารกับผู้ใช้ไม่เข้าใจ จะส่งผลให้การออกแบบระบบในขั้นตอนถัดไปคลาดเคลื่อน และอาจทำให้ระบบที่พัฒนาขึ้นมาใช้งานไม่ได้จริง ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขภายหลัง


นางสาว พิทยาภรณ์  พุฒทอง  1013

นาย ธรณินทร์ แอบมณี 1516

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2